ราคาหน้ากากร่วง ผู้ผลิตจีนอยู่ยาก


 
ตอนที่โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เริ่มต้นระบาดใหม่ๆ บริษัทผลิตหน้ากากอนามัยผุดขึ้นทั่วประเทศจีนหลายหมื่นโรง แต่ตอนนี้หลายรายกำลังดิ้นรนเอาตัวรอด หลังจากเจอมาตรการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดขึ้น และความต้องการภายในประเทศลดลง
 
จีนพยายามอย่างมากในการผลิตชุดอุปกรณ์ป้องกันให้ทันกับความขาดแคลนในช่วงโควิด-19 ที่เริ่มต้นจากจีนแล้วระบาดใหญ่ไปทั่วโลก
 
ช่วงครึ่งปีแรกที่ราคาและความต้องการหน้ากากอนามัยพุ่งสูง บริษัทจีนกว่า 73,000 จดทะเบียนเป็นบริษัทผลิตหน้ากาก เฉพาะเดือน เม.ย.เดือนเดียว มีบริษัทจดทะเบียนใหม่กว่า 36,000 แห่ง
 
แต่นักวิจัยจากบริษัทต้าซู คอนซัลติงในจีนรายงานว่า การที่บริษัทใหม่ๆ เกิดขึ้นมากทำให้ “คุณภาพต่ำและเต็มไปด้วยการหลอกลวง” บริษัททั้งหลายตั้งแต่ผลิตรถยนต์ไปจนถึงผ้าอ้อมหันมาผลิตหน้ากากกันทั้งสิ้น
 
ถึงขณะนี้จีนแผ่นดินใหญ่ควบคุมการระบาดส่วนใหญ่ไว้ได้แล้ว ความต้องการหน้ากากลดลงอย่างรวดเร็ว กดให้ราคาร่วงตามไปด้วย
 
หยาง หาว ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัทซีซีเอสที ในนครเสิ่นเจิ้นทางภาคใต้ของประเทศ ที่ผลิตเครื่องฟอกอากาศแต่เพิ่มการผลิตหน้ากากด้วย เล่าว่า ตั้งแต่เดือน เม.ย. คำสั่งซื้อลดลง 5-6 เท่า
 
“ตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องผลิตหน้ากากกันทั้งวันทั้งคืนอีกต่อไปแล้ว”
 
บริษัทบางแห่งที่เคยเข้าสู่อุตสาหกรรมผลิตหน้ากากตอนนี้ถึงคราวโบกมือลา
 
วารสารแรงงานจีนที่ติดตามการประท้วงของแรงงานในแผ่นดินใหญ่ เผยว่า ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีการประท้วงหลายครั้ง เนื่องจากโรงงานหน้ากากบางแห่งปิดกิจการกะทันหันแล้วไม่จ่ายเงินชดเชยให้พนักงาน
 
บริษัทจำนวนหนึ่งเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า คำสั่งซื้อลดลงมาก บางบริษัทกล่าวว่า ต้องหันไปให้ความสำคัญกับธุรกิจอื่นแทน
 
“บริษัทเรามีหลายไลน์ธุรกิจ เราเพิ่มการผลิตหน้ากากตอนที่โควิดระบาดหนัก แต่เราจะเปลี่ยนกลับไปสู่สินค้าอื่นในอนาคต” ผู้อำนวยการฝ่ายขายแซ่ซู เล่า เขาทำงานในบริษัทผลิตสินค้าทางการพทย์ในมณฑลเหอเป่ย์ ทางภาคเหนือของประเทศ
 
ตอนนี้บริษัทของซูขายหน้ากากแผ่นละ 0.4 หยวน (ราว 1.80 บาท) 1 ใน 4 ของราคาที่เคยขายช่วงที่การระบาดในจีนรุนแรงมากเมื่อหลายเดือนก่อน
 
อีกมุมหนึ่ง หน้ากากอนามัยจีนถูกนานาชาติร้องเรียนหนาหูว่าเป็นสินค้าคุณภาพต่ำ ทางการจีนจึงกำหนดให้ผู้ที่จะส่งออกหน้ากากต้องมีใบรับรองคุณภาพมาตรฐาน ทำให้ผู้ผลิตรายเล็กจำนวนหนึ่งเสียเปรียบ
 
นักวิเคราะห์ให้ข้อมูลว่า ระหว่างเดือน มี.ค.-พ.ค. จีนส่งออกหน้ากากกว่า 5 พันล้านชิ้น เพิ่มขึ้น 10 เท่าจากผลผลิตโดยรวมของปี 2562
 
รัฐบาลปักกิ่งใช้การบริจาคหน้ากากเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อ ที่นักวิเคราะห์เรียกว่า “การทูตหน้ากาก” กลบเสียงตำหนิเรื่องโควิด-19
 
อย่างไรก็ตาม ความแตกแยกของโลกก็มีผลทำให้ธุรกิจผลิตหน้ากากอ่อนแรงลงไปเช่นกัน
 
หยางจากซีซีเอสทีเล่าว่า การส่งหน้ากากไปสหรัฐกระทำผ่านประเทศที่ 3 เนื่องจากความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งตึงเครียด
 
แต่นักวิเคราะห์มองว่า จีนจะยังคงเป็นผู้จัดหาหน้ากากเบอร์ 1 ของโลกต่อไป เมื่อบริษัทใหญ่ๆ เร่งกำลังการผลิตเพราะไวรัสยังระบาดทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
 
เดือนก่อน บริษัท 3เอ็มของสหรัฐกล่าวว่า เดินหน้าผลิตหน้ากาก เอ็น95 จำนวน 2 พันล้านชิ้นในปีนี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มอัตราการผลิตขึ้น 2 เท่า
 
“ความต้องการหน้ากากยังมีอีกมาก ทั้งจากสหรัฐประเทศอื่นๆ ในเอเชีย และอียู ที่อุปทานหน้ากากของตนเองมีไม่เพียงพอ” วิลเฟรด เหยิน นักวิเคราะห์จากธนาคารบีโอซีไอในฮ่องกงให้ความเห็น พร้อมเสริมว่า ผู้ผลิตหน้ากากคุณภาพต่ำต้องถูกตัดออกจากตลาดไป
 
“เมื่อความต้องการหน้ากากค่อยๆ ลดลง หรืออุปทานหน้ากากคุณภาพดีเพิ่มขึ้น เมื่อนั้นซัพพลายเออร์ด้อยคุณภาพย่อมอยู่ยากในตลาด”
 
 
 
 
 

ที่มา:กรุงเทพธุรกิจ