หนึ่งในความท้าทายในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่มีต้นกำเนิดในเมืองอู่ฮั่นของจีน คืออู่ฮั่นมีเที่ยวบินตรงไปจุดหมายปลายทางกว่า 100 แห่งทั่วโลก รวมถึงไทย แล้วจุดใดตกอยู่ในความเสี่ยงบ้าง ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตยังพุ่งไม่หยุด
ท่ามกลางกระแสวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ สนามบินทั่วโลกต่างเพิ่มมาตรการคัดกรองผู้โดยสารและใช้กระบวนการกักกันโรคแบบใหม่ เพื่อเร่งชะลอการระบาดของไวรัสนี้
ขณะที่ทางการจีนประกาศระงับการขนส่งสาธารณะ รวมถึงปิดสถานีรถไฟและสนามบินทั้งหมดในเมืองอู่ฮั่นอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าจะมีการประกาศเพิ่มเติมตั้งแต่เช้าวันนี้ (23 ม.ค.) เป็นต้นไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการสัญจรในภูมิภาค เพราะอู่ฮั่นถือเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายทางรถไฟความเร็วสูงของจีน
ขณะเดียวกัน ทางการยังเรียกร้องไม่ให้ประชาชนในอู่ฮั่นซึ่งมีอยู่ราว 11 ล้านคนเดินทางออกจากเมือง ยกเว้นในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น
การประกาศมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยล่าสุด ทางการจีนเปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่พุ่งขึ้นเป็น 17 คน ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 600 คนนับถึงวันที่ 23 ม.ค.
ในขณะที่เทศกาลการเดินทางช่วงตรุษจีน หรือ “วันเที่ยว” (25 ม.ค.) กำลังจะมาถึง บรรดาเจ้าหน้าที่จึงต้องรับมืออย่างหนักกับการคัดแยกผู้ติดเชื้อและป้องกันไม่ให้โรคดังกล่าวระบาดไปมากกว่านี้
นอกจากนี้ โอกาสลุกลามของเชื้อไวรัสโคโรนาในต่างประเทศนั้นค่อนข้างน่ากังวล ข้อมูลจากเว็บไซต์ไฟลต์คอนเนคชันส์ (Flight Connections) ระบุว่า สนามบินอู่ฮั่นให้บริการเที่ยวบินโดยสารตรงไปยังจุดหมายปลายทาง 109 แห่งใน 20 ประเทศ รวมไปถึงเมืองสำคัญอย่างกรุงลอนดอนของอังกฤษ กรุงมอสโกของรัสเซีย กรุงปารีสของฝรั่งเศส กรุงโรมของอิตาลี นครนิวยอร์กของสหรัฐ กรุงโตเกียวของญี่ปุ่น ไม่เว้นแม้แต่กรุงเทพมหานครของไทย
ไทยถือเป็นประเทศที่มีเที่ยวบินตรงจากอู่ฮั่นมาลงมากที่สุดเทียบกับประเทศอื่น ๆ นอกจากสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองในกรุงเทพฯแล้ว ยังมีสนามบินเชียงใหม่ สนามบินกระบี่ และสนามบินภูเก็ตด้วย
นั่นเป็นเหตุผลที่รัฐบาลไทยสั่งใช้มาตรการคุมเข้มในสนามบินนานาชาติเหล่านี้ ด้วยการตั้งจุดคัดกรองและตรวจวัดอุณหภูมิผู้โดยสารขาเข้า ไม่ใช่เพียงจากเมืองอู่ฮั่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจากกรุงปักกิ่งและเมืองเสิ่นเจิ้น ซึ่งมีรายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาเช่นกัน ในขณะที่พบผู้ป่วยไวรัสนี้ในไทย 4 คน
ยิ่งใกล้ถึงวันเที่ยวของชาวจีน สนามบินต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงบ้านเรา ก็อาจต้องรับมือกับจำนวนนักเดินทางชาวจีนเพิ่มขึ้นไปด้วย
ก่อนหน้านี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2563 ระหว่างวันที่ 24-30 ม.ค. ตลาดนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยน่าจะยังคึกคัก คาดว่าในช่วงนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยประมาณ 365,500 คน เพิ่มขึ้นประมาณ 2.7% ถือว่าเติบโตใกล้เคียงกับตรุษจีนปีที่ผ่านมา
ขณะที่ผลสำรวจของเว็บไซต์ซีทริป (Ctrip) พบว่า นักท่องเที่ยวจีนยังเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีน
สถาบันวิจัยการท่องเที่ยวต่างประเทศของจีน (COTRI) รายงานเมื่อไม่นานนี้ว่า อาจมีชาวจีนหลายร้อยล้านคนเดินทางช่วงเทศกาลตรุษจีนซึ่งเริ่มเมื่อวันที่ 10 ม.ค. ไปสิ้นสุดวันที่ 18 ก.พ. นับเป็นการเดินทางประจำปีของมนุษย์จำนวนมหาศาลที่สุดในโลก ในจำนวนนี้เป็นการเดินทางไปต่างประเทศกว่า 7 ล้านครั้ง
ที่มา:กรุงเทพธุรกิจ