ยูเอ็นเรียกร้องสอบสวนผู้นำกองทัพเมียนมา กรณีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงจะ


 
คณะทำงานตรวจสอบอิสระระหว่างประเทศของสหประชาชาติว่าด้วยกรณีเมียนมา เรียกร้องให้มีการสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพเมียนมา สืบเนื่องจากเหตุการณ์สังหารล้างเผ่าพันธุ์ชาวมุสลิมโรฮิงจะในเมียนมา
 
รายงานของคณะทำงานตรวจสอบอิสระระหว่างประเทศของสหประชาชาติว่าด้วยกรณีเมียนมา ที่ส่งมอบให้กับสภาสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติที่นครเจนีวา ได้เปิดเผยรายละเอียดของอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในเมียนมาในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา
 
รายงานการตรวจสอบชิ้นนี้ ได้เปิดเผยถึงหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าทหารเมียนมาได้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ด้วยการก่ออาชญากรรมร้ายแรงต่อชาวมุสลิมโรฮิงจะในรัฐยะไข่
 
นายมาร์ซูกี ดารุสแมน หัวหน้าคณะทำงานชุดนี้ กล่าวว่า การสังหาร การรุมข่มขืนสตรีและเด็กผู้หญิง ตลอดจนการปล้นและเผาบ้าน และการกระทำที่ทารุณโหดร้ายอื่นๆ ต่อชาวมุสลิมในรัฐยะไข่ ถูกวางแผนมาอย่างเป็นระบบ และเป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีต่อประชาชนบางส่วนของเมียนมาอย่างเฉพาะเจาะจง นั่นคือ ชาวโรฮิงจะ
 
นายดารุสแมน ระบุว่า คณะทำงานชุดนี้ได้สรุปว่าชาวโรฮิงจะคือชนกลุ่มน้อยที่ต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญของเมียนมา และการกระทำที่โหดร้ายของกองกำลังทหารเมียนมานั้น เข้าข่ายการสังหารล้างเผ่าพันธุ์
 
ความรุนแรงครั้งใหญ่ในรัฐยะไข่ที่ปะทุขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ได้ส่งผลให้มีชาวมุสลิมโรฮิงจะราว 750,000 คน ต้องอพยพออกจากรัฐยะไข่ไปยังบังกลาเทศ ซึ่งรายงานของสหประชาชาติชี้ว่า จนถึงขณะนี้การปราบปรามในรัฐยะไข่ก็ยังคงมีอยู่ และยังไม่ปลอดภัยสำหรับชาวโรฮิงจะที่จะเดินทางกลับไป
 
คณะทำงานตรวจสอบอิสระระหว่างประเทศของสหประชาชาติชุดนี้ ได้ระบุรายชื่อผู้บัญชาการกองทัพเมียนมาหลายคน ที่สมควรถูกสอบสวนและดำเนินคดีในข้อหาสังหารล้างเผ่าพันธุ์
 
เอกอัครราชทูตเมียนมาประจำสหประชาชาติ จอว์ โม ตัน กล่าวปฏิเสธรายงานการตรวจสอบที่ว่านี้ โดยบอกว่าเป็นรายงานที่ลำเอียง ไม่ยุติธรรม และไม่มีการพูดถึงความพยายามของรัฐบาลเมียนมาในการหาหนทางสร้างสันติภาพระยะยาวในรัฐยะไข่
 
ทูตเมียนมากล่าวด้วยว่า รัฐบาลเมียนมามีความเสียใจอย่างยิ่งต่อผู้ที่ต้องอพยพและไร้บ้าน โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก และขณะนี้พร้อมแล้วที่จะต้อนรับผู้ลี้ภัยเหล่านั้นกลับบ้าน
 
 
 
 

ที่มา:วีโอเอ ไทย