จีนเพิ่ม 'งบกลาโหม' เตรียมยกระดับกองทัพด้วยวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี


 
จีนประกาศเพิ่ม 'งบกลาโหม' เตรียมยกระดับกองทัพด้วยวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี หลังสภาพเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวหลังจากการเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 คาด GDP จะโต 6% ในปีนี้ พร้อมสัญญาจะสร้างงานให้ผู้คนในหลายเมืองมากกว่าปีที่ผ่านมา
 
​รัฐบาลจีนประกาศ 'ลด' คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในปี 2563 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2545 เพราะต้องเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 ในปีที่แล้ว ซึ่งสร้างความหายนะทางเศรษฐกิจแบบไม่คาดคิดมากก่อน 
 
ในปีที่ผ่านมา GDP ของจีนเติบโตอยู่ที่ 2.3% ซึ่งนับว่าเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่ประเทศเดียวที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจท่ามกลางภาวะโรคระบาดครั้งใหญ่ ขณะที่ หลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวในรายงานการปฏิบัติงานประจำปี 2564 ว่า "อัตราการเติบโตของเศรษฐกินจีนถูกตั้งเป้าหมายไว้ที่ 6% ในปีนี้ และเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายดังกล่าว เราจะเดินหน้าฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจ"
 
อย่างไรก็ตามคาดการณ์การโตของ GDP ที่ 6% นั้นนับว่าเป็นตัวเลขที่ผิดคาดไปจากการประเมินของนักวิเคราะห์มาก เพราะส่วนใหญ่แล้วมีการประเมินไว้ว่าเศรษฐกิจจีนน่าจะสามารถโตได้มากกว่า 8% ในปีนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนร่วงทันทีหลังการประกาศคาดการณ์ GDP จากนายกรัฐมนตรี
 
ขณะเดียวกัน รัฐบาลจีนได้ปรับเพิ่มงบประมาณของกองทัพประจำปี 2564 ขึ้นไปอยู่ที่ 1.35 ล้านล้านหยวน หรือราว 6.35 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 6.8% ขณะที่ในปี 2563 งบประมาณกองทัพจีนถูกปรับขึ้นจากปีก่อนหน้าที่อัตรา 6.6% สร้างสถิติ 'นิวโลว์' เนื่องจากเป็นการปรับเพิ่มที่ต่ำที่สุดในรอบ 30 ปี 
 
ปฏิรูปกองทัพด้วยวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี
 
หลี่เค่อเฉียงแถลงว่าในปีนี้รัฐบาลจีนมุ่งเน้นการ พัฒนากองทัพด้วยการปฏิรูป วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการฝึกฝนเจ้าหน้าที่ที่มีความสามารถ พร้อมย้ำว่า "เราจะยกระดับการฝึกฝนทางการทหารและเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ สร้างแผนการรับมือกับความเสี่ยงด้านความมั่นคงในภาพรวมสำหรับทุกสถานการณ์ พร้อมทั้งยกระดับขีดความสามารถทางกลยุทธ์การทหารเพื่อปกป้องประเทศ ความมั่นคง และผลประโยชน์ของประเทศชาติ"
 
"เราจะพัฒนาแผนงานทางวิทยาศาสตร์ด้านกลาโหม เทคโนโลยี และอุตสาหกรรม รวมถึงการยกระดับระบบเคลื่อนที่ทางการทหาร" นายกรัฐมนตรีจีนระบุโดยไม่เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลจีนมักจะกล่าวเสมอว่างบประมาณทางการทหารนั้นเทียบเป็นสัดส่วนอันน้อยนิดของ GDP ขณะที่นักวิจารณ์มักกล่าวร้ายว่าการเพิ่มงบกลาโหมจะเป็นการสร้างภัยคุกคามต่อความสงบสันติของประชาคมโลก
 
 
 
 
 
 
 

ที่มา:วอยซ์ทีวี