'อู่ฮั่น'ดิ้นรนหนักฟื้นศก.-ท่องเที่ยว


 
'อู่ฮั่น'ดิ้นรนหนักฟื้นศก.-ท่องเที่ยว ขณะที่รายได้จากธุรกิจเดินทางและท่องเที่ยวในอู่ฮั่นปีนี้ ร่วงลง 49%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวทั่วประเทศร่วงลง 41%
 
วันพฤหัสบดี(8 เม.ย.)ครบรอบ1ปียกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ที่ดำเนินมานาน 76 วันในเมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลเหอเป่ย์ ตอนกลางของจีนและเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่หลายประเทศกำลังต่อสู้กับโรคระบาดนี้ เศรษฐกิจของจีนก็ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง นับตั้งแต่จีนเป็นประเทศแรกของโลกที่ใช้แนวคิดเรื่อง“การล็อกดาวน์”มาใช้แก้ปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19
 
แต่อู่ฮั่นที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นยอดเพชรมงกุฎทางด้านอุตสาหกรรม กลับมาได้แค่ครึ่งทางของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ รายได้จากอุตสาหกรรมค้าปลีกและการเดินทางยังคงไม่กระเตื้องและอยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยของประเทศ
 
ร้านค้าขนาดกลางและเล็กได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโรคโควิด-19 บางคนโบ้ยความผิดให้รัฐบาลที่ปิดบังเรื่องการระบาดของโรคติดต่อร้ายแรงนี้ ทำให้อู่ฮั่นไม่สามารถที่จะกระตุ้นอุตสาหกรรมค้าปลีกและเดินทางให้กลับมาคึกคักได้เหมือนเดิมอีก อย่างเช่นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีแค่ไม่กี่คนที่เข้ามาเดินในห้างสรรพสินค้ากวงกู อินเตอร์เนชั่นแนล พลาซา ในย่านธุรกิจของเมืองที่มีป้าย“ร้านปิด”แขวนไว้เหนือร้านจำหน่ายเสื้อผ้าสุภาพบุรุษ ส่วนติดๆกันซึ่งเป็นประตูของร้านเออร์บัน เรวิโว เชนเสื่้อผ้าแฟชั่นของจีนก็ปิดกิจการตั้งแต่เดือนมี.ค.
 
“ร้านค้าหลายร้านเลิกขายไปตามๆกันตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้วเพราะการระบาดของโรคโควิด-19 เหลืออยู่แค่ประมาณ 10 ร้านเท่านั้น”พนักงานของห้างสรรพสินค้ากวงกู อินเตอร์เนชั่นแนล พลาซา กล่าว
 
ห้างสรรพสินค้าอีกแห่งอย่างลูเซียง พลาซา ช็อปปิ้ง เซนเตอร์ ก็เผชิญชะตากรรมเดียวกันปิดห้างและไม่เปิดอีกเลยไปตั้งแต่วันที่ 1เม.ย.
 
คนอบขนมปังวัย40ปีที่บอกแค่ว่าชื่อ“หวัง”ก็บอกว่าปิดร้านไปตั้งแต่เดือนก.ค.สูญเงินไป 500,000 หยวน (76,430 ดอลลาร์)หลังจากธุรกิจไปไม่รอดแม้ว่าทางการจะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์แล้วก็ตาม “ตอนนี้ผมไม่มีทางเลือก จึงตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพไปขับแท็กซี่แทน”หวัง กล่าว
 
ยอดขายจากธุรกิจค้าปลีกในอู่ฮั่นปรับตัวลง 3.6% ในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2562 หนึ่งปีก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ในเมืองนี้ สวนทางกับยอดค้าปลีกทั่วประเทศที่ปรับตัวขึ้น 6.4% ในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับสองปีก่อน ยอดค้าปลีกในซูโจว เฉิงตู และนานจิง 3เมืองที่มีขนาดเศรษฐกิจเท่ากับอู่ฮั่น ปรับตัวขึ้น 13.1% ,8.0% และ 15.7%ตามลำดับในช่วงเวลาเดียวกัน
 
ในส่วนของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ในปี 2563 อู่ฮั่น ซูโจว เฉิงตูและนานจิงอยู่ในอันดับ 9 ,6 ,7 และ 10 ในประเทศตามลำดับ
 
ผู้จัดการร้านฮันจิ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านชุมชนของเมือง บอกว่า บรรดาผู้บริโภคชาวจีนออกมาเดินช็อปปิ้งสินค้าตามร้านค้ายอดนิยมที่ผู้คนเคยเดินออกมาช็อปปิ้ง ส่วนร้านค้าที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมตั้งแต่เริ่มต้นก็ยังคงไม่ค่อยมีลูกค้าเข้าร้านเหมือนเดิม ด้วยเหตุนี้ ร้านค้าขนาดเล็กที่มีฐานะการเงินไม่แข็งแกร่งก็จะไม่มีทุนที่จะทำธุรกิจต่อไป
 
ขณะที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวก็ไม่กลับมาคึกคักเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ รายได้จากธุรกิจเดินทางและท่องเที่ยวในอู่ฮั่นช่วงสปริง เฟสติวัลของปีนี้ ร่วงลง 49%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 เลวร้ายกว่ารายได้โดยเฉลี่ยของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วประเทศที่ร่วงลง 41% รายได้จากธุรกิจเดินทางและท่องเที่ยวของอู่ฮั่นร่วงลงในสัดส่วนที่ถือว่ามากกว่าเมื่อเทียบกับการลดลง 21% ของรายได้ส่วนนี้ในซูโจ 38% ในเฉิงตู และ24% ในนานจิง
 
ผู้บริหารหญิงที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอู่ฮั่นวัย 29ปี บอกว่า“อู่ฮั่นมีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยวว่าเป็นแหล่งชมซากุระบาน ตั้งแต่เดือนมี.ค.ยอดจองที่พักเริ่มฟื้นตัวแต่ยังไม่แน่นอนว่ายอดจองที่พักจะเพิ่มขึ้นเท่าระดับก่อนหน้าการระบาดของโรคโควิด-19หรือไม่”
 
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนพยายามย้ำถึงความสำเร็จของมาตรการล็อกดาวน์ อ้างว่าตอนนี้อู่ฮั่นมีความปลอดภัยเพียงพอ พร้อมให้ตัวเลขประชาชนที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19ในอู่ฮั่นไว้ที่ประมาณ 50,000 รายแต่ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยอู่ฮั่นและที่อื่นๆประเมินว่ายอดติดเชื้ออยู่ที่ 168,000 รายในเดือนม.ค. ภาพการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้และภาพผู้ป่วยโควิด-19ในอู่ฮั่นที่คลุมเครือแบบนี้อาจเป็นความไม่แน่นอนที่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของธุรกิจการเดินทาง ท่องเที่ยวและธุรกิจค้าปลีกของเมืองอู่ฮั่น
 
“ผมไม่อยากไปเที่ยวอู่ฮั่นเพราะเมืองนี้อาจจะยังไม่ปลอดภัยจากไวรัส ”ชาวเมืองต้าเหลียนวัย 35ปี กล่าว
 
ขณะที่รัฐบาลจีนถูกวิจารณ์อย่างหนักในฐานะที่ปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนผู้ป่วย
 
“จาง ไห่” วัย 51ปี ซึ่งสูญเสียบิดาเพราะโรคโควิด-19 เป็นอีกคนที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยในช่วงต้นเดือนมี.ค. เขาได้ขอให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงแรกๆของการระบาด แต่ก็ถูกปฏิเสธ ซึ่งจางโกรธมาก
 
“พ่อผมตายเพราะรัฐบาลท้องถิ่นและหน่วยงานรัฐส่วนอื่นๆปกปิดข้อมูลการระบาดของโรคนี้ตั้งแต่ช่วงต้นๆ พวกเขาควรให้ข้อมูลเรามากกว่านี้ ”จาง กล่าว
 
ส่วนฮัวหนาน ซีฟู้ด โฮลเซล มาร์เก็ต ที่หลายคนคิดว่าเป็นแหล่งแพร่เชื้อไวรัส ตอนนี้ก็ปิดสนิท ห้ามให้คนเข้าหรือแม้แต่มองเข้าไปข้างใน จะมีก็แต่อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ถือเป็นอุตสาหกรรมใหญ่สุดของเมือง ที่ยังคงคึกคัด โดยเฉพาะต่งเฟิง ฮอนด้า ออโตโมบิล บริษัทร่วมทุนจีนและฮอนด้า รายงานว่า ยอดขายเพิ่มขึ้น 40.6% หรือขายรถยนต์ได้ประมาณ 135,000 คันในเดือนม.ค.และก.พ.ปีนี้ เมื่อเทียบกับปี 2562 หลังจากบริษัทเพิ่มกำลังการผลิตในท้องถิ่น
 
 
 
 
 
 

ที่มา:กรุงเทพธุรกิจ