ประเด็นสำคัญในคำตัดสินที่เป็นเอกฉันท์ของคณะอนุญาโตตุลาการถาวรมีดังนี้
1. จีนไม่มี “สิทธิทางประวัติศาสตร์” ใด ๆ เหนือน่านน้ำในทะเลจีนใต้
2. เส้นประกำหนดเขตแดน 9 เส้น ที่จีนใช้อ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่ถึงร้อยละ 85 ของทะเลจีนใต้ ไม่สามารถนำมาใช้อ้างสิทธิเหนือพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะของชาติอื่น ๆ ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ปี 1982
3. ไม่มีกองหินหรือเกาะใด ๆ ของหมู่เกาะสแปรตลีย์ในทางตะวันตกของฟิลิปปินส์ ที่จะเป็นเครื่องหมายในการให้สิทธิที่ชอบธรรมแก่จีนเพื่อเข้าถึงน่านน้ำในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของฟิลิปปินส์ได้
4. จีนได้เข้าไปก้าวก่ายขัดขวางสิทธิการทำประมงที่มีมาแต่เดิมของฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบแนวสันทรายสคาร์โบโรห์
5. การสำรวจหาน้ำมันดิบของจีนบริเวณใกล้กับภูเขาไฟใต้ทะเล รีด แบงค์ ละเมิดอธิปไตยของฟิลิปปินส์
6. การสร้างเกาะเทียมและการทำประมงเกินพิกัดของจีน ได้ทำลายระบบนิเวศบางส่วนของหมู่เกาะสแปรตลีย์ไป
7. จีนได้ละเมิดข้อตกลงกับชาติอื่นในภูมิภาค ในอันที่จะงดเว้นการกระทำยั่วยุซึ่งจะนำไปสู่ความขัดแย้ง ระหว่างที่กระบวนการเจรจาแก้ปัญหาทะเลจีนใต้ยังไม่สิ้นสุดลง
กระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์แสดงความยินดีต่อคำตัดสินดังกล่าว พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใช้ความอดทนอดกลั้นและจริงจังกับประเด็นนี้ โดยฟิลิปปินส์ขอแสดงความเคารพต่อคำตัดสินที่เป็นความก้าวหน้าสำคัญ และเป็นประโยชน์ใหญ่หลวงต่อการคลี่คลายกรณีพิพาทที่กำลังดำเนินอยู่ในทะเลจีนใต้
ด้านประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนกล่าวว่า จีนจะอุทิศตนรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในทะเลจีนใต้ต่อไป แต่จะไม่ยอมรับสถานะหรือการกระทำใด ๆ ในอนาคต ที่อ้างคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการถาวรนี้
ชาติที่เป็นคู่กรณีกับจีนซึ่งอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนในทะเลจีนใต้ ได้ออกมาแสดงความยินดีต่อคำตัดสินเช่นกัน โดยเวียดนามออกแถลงการณ์สนับสนุนคำตัดสินในครั้งนี้ และขอสนับสนุนการใช้สันติวิธี รวมถึงวิถีทางการทูตในการแก้ไขกรณีพิพาททะเลจีนใต้ โดยเวียดนามจะได้ออกแถลงการณ์ในรายละเอียด เพื่อยืนยันอธิปไตยเหนือหมู่เกาะพาราเซลและหมู่เกาะสแปรตลีย์ของตนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ไต้หวันได้แถลงไม่ยอมรับคำตัดสินในครั้งนี้ เนื่องจากตนไม่ได้มีส่วนร่วมหรือได้รับเชิญให้คำปรึกษาแก่คณะอนุญาโตตุลาการในการพิจารณาคดี