ทีเส็บเผยเศรษฐกิจโลกซึม กระทบไมซ์ปีนี้ไม่โต หลังสัญญาณไตรมาสแรกลด 3% คาดทั้งปีดันรายได้เฉียด 2 แสนล้าน


 
    นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ เปิดเผยภายหลังการรับตำแหน่งผู้อำนวยการคนใหม่อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมการจัดประชุมสัมมนาและนิทรรศการ (ไมซ์) ในปีนี้มีแนวโน้มไม่เติบโต วัดได้จากไตรมาสแรกเดือน ต.ค.-ธ.ค.ปีงบประมาณ 2560 นักท่องเที่ยวไมซ์เดินทางลดลง 2-3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวในหลายประเทศของกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู)รวมถึงบรรยากาศภายในประเทศไทย
    ทั้งนี้ คาดว่าตลอดปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวไมซ์รวม 27.1 ล้านคน แบ่งเป็นต่างชาติ1.1 ล้านคน สร้างรายได้ 1.01 แสนล้านบาท คนไทย 26 ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้9.8 หมื่นล้านบาท เทียบกับปีงบประมาณ 2559 ที่มีจำนวนรวม 28 ล้านคน แบ่งเป็นต่างชาติ 1.2 ล้านคน รายได้ 1.02 แสนล้านบาท คนไทย 27 ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้ 7.3 หมื่นล้านบาท
    “ในปีนี้ทีเส็บต้องการพยุงให้รายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวตลาดไมซ์เท่ากับปีที่แล้ว หรืออาจเติบโตได้อย่างน้อย 5% จากการดึงเมกะอีเวนต์ขนาดใหญ่ หลายงานเข้ามาจัดในไทยพีซีเอ็มเอ โกลบอล โปรเฟสชันนอล คอนฟูเร้นท์ เดือน ส.ค.นี้” นายจิรุตถ์ กล่าว
    ด้านแนวทางการยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศให้เกิดความมั่นคง เติบโตคู่กับการพัฒนาประเทศได้อย่างเต็มศักยภาพ สร้างความเท่าเทียมและเข้มแข็งภายใต้ 4 แนวทางหลัก คือ 1.พัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ให้เติบโตคู่ขนานกับประเทศ เน้นรักษาตลาดเดิมทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมถึงขยายฐานตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ
    2.เติบโตในตลาดที่มีศักยภาพมุ่งตลาดในประเทศอาเซียนทดแทนตลาดระยะไกล 3.การเติบโตอย่างเท่าเทียม โดยกระจายการจัดงานลงพื้นที่ต่างจังหวัดให้มากขึ้น โดยเฉพาะเมืองที่เป็นไมซ์ซิตี้ เช่น เชียงใหม่และพัทยา รองรับนโยบายการพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นต้น ซึ่งในอนาคตทีเส็บจะผลักดันให้ไมซ์ในประเทศสร้างรายได้ 50% ของรายได้รวมทั้งหมด และ 4.การเติบโตอย่างเข้มแข็งเน้นการพัฒนาองค์กร ปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มุ่งการสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการเป็นส่วนหนึ่งในการจัดงาน
    นอกจากนี้ ได้เตรียม 5 กลยุทธ์ภายใต้แนวคิดควิกวิน เร่งขับเคลื่อนการทำงานไมซ์ ได้แก่ 1.ส่งเสริมสนับสนุนยกระดับไมซ์เข้าสู่เวทีโลก 2.เป็นผู้นำการพัฒนาไมซ์ในภาครัฐและเอกชน 3.กระจายเศรษฐกิจผ่านอุตสาหกรรมไมซ์สู่ภูมิภาค 4.ผลักดันการใช้นวัตกรรมและสร้างใหม่อินเทลลิเจนต์ การรวบรวมข้อมูล และ 5.ผลักดันให้ทีเส็บเป็นองค์กรที่มีความโปร่งใสมีธรรมาภิบาล
    นายจิรุตถ์ กล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีศักยภาพการจัดงานไมซ์เป็นอันดับหนึ่งของอาเซียนทั้งด้านพื้นที่ขายและจัดแสดงและติด 1 ใน 5 ของเอเชีย การเร่งยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ครั้งนี้จะเร่งผลักดันให้ไมซ์ไทยติดอันดับโลกภายใน 4 ปีข้างหน้า 
 
 
 
 

ที่มา:โพสต์ทูเดย์