นายกรัฐมนตรีย้ำต่อรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืน


 
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 เวลา 13.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล รัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน รัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา และเลขาธิการอาเซียน เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสเยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 6 สรุปสาระสำคัญการหารือดังนี้
 
นายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศคู่เจรจาและสำนักเลขาธิการอาเซียนที่สนับสนุนให้การจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้องเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ภายใต้แนวคิดหลักในการเป็นประธานอาเซียนของไทย คือ “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” ประสบความสำเร็จด้วยดี เพื่อสร้างความเป็นหุ้นส่วนของความร่วมมือทั้งภายในและภายนอกอาเซียนให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ให้อาเซียนเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
 
นายกรัฐมนตรีเห็นว่าความมั่นคงเป็นรากฐานสำคัญของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ทุกฝ่ายต้องส่งเสริมความมั่นคงให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน เพื่อร่วมกันเสริมสร้างประชาคมอาเซียน ให้สามารถจัดการกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่สำคัญของภูมิภาค เช่น การก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเล และภัยคุกคามทางไซเบอร์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอให้นำหลักการภายใต้สนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (TAC) มาใช้ให้เกิดประโยชน์ นอกจากนี้ไทยยินดีที่อาเซียนได้จัดทำเอกสารมุมมองของอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก บนพื้นฐานของหลักการ 3M คือ ความไว้เนื้อเชื่อใจ การเคารพซึ่งกันและกัน เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน
 
นายกรัฐมนตรีชื่นชมบทบาทเวที ADMM และ ADMM-Plus ที่เป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในระดับยุทธศาสตร์ และขับเคลื่อนความร่วมมือด้านความมั่นคงในภูมิภาค ซึ่งหนึ่งในผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในปีนี้คือการบรรจุศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนในกฎบัตรอาเซียนนั้นจะเป็นการยกบทบาทและขีดความสามารถของศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน ในการสนับสนุนการบริหารจัดการภัยพิบัติของอาเซียนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
 
ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีอวยพรให้การจัดการประชุม ADMM-Plus ครั้งที่ 6 ในวันนี้ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ เพื่อดำรงไว้ซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคต่อไปในอนาคต
 
 
 
 
 

ที่มา:รัฐบาลไทย