รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนจีนเพื่อขอความร่วมมือในการบรรเทาปัญหาภัยแล้งในลุ่มแม่น้ำโขง


 
ตามที่เกิดปัญหาภัยแล้งอย่างหนักต่อเนื่องมาตั้งแต่กลางปี ๒๕๖๒ ปริมาณน้ำทั้งลุ่มน้ำโขงลดลงจากภาวะโลกร้อน ฝนทิ้งช่วงและปริมาณสำรองน้ำหายไปจากระบบอย่างมาก ซึ่งได้สร้างความห่วงกังวลถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศ โดยเฉพาะวิถีชีวิตของชุมชนท้ายน้ำ รวมทั้งไทย ที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจและได้พยายามดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ไขและบรรเทาผลกระทบมาอย่างต่อเนื่อง
 
ล่าสุด นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเดินทางไปจีนเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๓ เพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ในฐานะที่จีนเป็นประเทศต้นน้ำ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือกับนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนในช่วงเช้าของวันดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหาภัยแล้งซึ่งเป็นผลจากภาวะโลกร้อน แม้แต่จีนที่เป็นประเทศต้นน้ำก็ประสบปัญหาอย่างหนักเช่นเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศได้ขอความร่วมมือรัฐบาลจีนในการแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบของประชาชนที่เดือดร้อนในประเทศท้ายน้ำ ซึ่งนายหวัง อี้ ขอบคุณที่รัฐมนตรีต่างประเทศเดินทางอย่างเร่งด่วนเพื่อมาหารือเรื่องนี้เป็นการเฉพาะด้วยตนเอง  แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง ฝ่ายจีนรับที่จะพยายามให้ความร่วมมือเพื่อบรรเทาผลกระทบของปัญหาอย่างดีที่สุด
 
ต่อมา ในช่วงเย็นของวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๓ กระทรวงการต่างประเทศจีนได้ติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง เพื่อแจ้งว่าจากการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีนในเรื่องนี้ทันที ตามผลการหารือของรัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองนั้น จีนจะเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนจิ่งหงอีก ๑๕๐ ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือประมาณร้อยละ ๑๕-๒๐ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป เพื่อช่วยประเทศปลายน้ำในการต่อสู้กับภัยแล้ง และจะประสานงานกับหน่วยงานบริหารจัดการน้ำของไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป
 
 
 
 

ที่มา:กระทรวงการต่างประเทศ