สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย ทีมประเทศไทย และภาคเอกชนไทย เยือน จ.กว่างนิงห์


 
เมื่อวันที่ ๖-๗ ก.ค. ๒๕๖๓ นายธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย พร้อมด้วยข้าราชการทีมประเทศไทยและภาคเอกชนไทยในเวียดนาม รวม ๒๔ คน เดินทางเยือน จ.กว่างนิงห์อย่างเป็นทางการ เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับจังหวัดและสำรวจลู่ทางการค้า การลงทุนและความร่วมมือ คณะได้เยี่ยมชมและรับฟังการบรรยายจากสถานที่สำคัญ อาทิ ท่าอากาศยานนานาชาติเวินโด่น และด่านชายแดนม้งก๋าย รวมทั้งเยี่ยมชมโครงการนิคมอุตสาหกรรม Amata City Halong สรุปสาระสำคัญดังนี้
 
๑. เอกอัครราชทูตฯ และคณะ ได้พบหารือนายเหวียน ซวน กี๊ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ จ.กว่างนิงห์ โดยเอกอัครราชทูตฯ ชื่นชมการควบคุมสถานการณ์โควิดของเวียดนามและ จ.กว่างนิงห์ รวมทั้งการบริหารจังหวัดที่ทำให้ได้รับการประเมิน Provincial Competitiveness Index (PCI) อันดับ ๑ ติดต่อกันถึง ๓ ปี ซึ่งเลขาธิการพรรคฯ แจ้งว่า ปัจจัยความสำเร็จดังกล่าว มาจากการที่จังหวัดและผู้บริหารในทุกสมัยตั้งเป้าหมายในการให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ภาคเอกชนที่เข้ามาลงทุนในจังหวัด และยืนยันที่จะสนับสนุนภาคเอกชนไทยใน จ.กว่างนิงห์อย่างเต็มที่ ขอให้สถานเอกอัครราชทูตฯ ร่วมผลักดันการดำเนินงานและการลงทุนของบริษัทไทยให้ประสบความสำเร็จต่อไป
 
เอกอัครราชทูตฯ ประสงค์ไปเยี่ยมชมโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาชั้นต้น หุ่ง ทั้ง เมืองฮาลอง ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนที่อยู่ในเครือข่ายของโครงการตามพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเห็นว่า ประเทศไทยและ จ.กว่างนิงห์สามารถส่งเสริมความร่วมมือด้านอื่น ๆ ได้อีกหลายด้าน เช่น การศึกษา การท่องเที่ยว วัฒนธรรม เป็นต้น
 
๒. ในการประชุมหารือกับนายบุ่ย วัน คั้ง รองประธานคณะกรรมการประชาชน และผู้บริหารของจังหวัด คณะได้รับทราบข้อมูลและศักยภาพทางเศรษฐกิจ ได้แก่ เขตเศรษฐกิจ พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ โครงสร้างพื้นฐาน เช่น ทางด่วนระหว่างเวินโด่น-ม้งก๋าย ซึ่งเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ จะลดระยะเวลาการเดินทางและขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยวได้มาก ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นว่า ยังสามารถพัฒนาความร่วมมือกันได้อีกมาก สถานเอกอัครราชทูตฯ ยินดีในการสนับสนุนเชิญชวนให้นักลงทุนไทยเข้าไปสำรวจลู่ทางการค้าการลงทุนใน จ.กว่างนิงห์ เช่น แผนการนำคณะภาคเอกชนไทยเดินทางเยือน จ.กว่างนิงห์ ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมในระหว่างการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (JCR) ครั้งที่ ๔ ที่อยู่ระหว่างการเตรียมการ การกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง จ.กว่างนิงห์กับจังหวัดในประเทศไทย รวมทั้งการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในกรอบสามเหลี่ยมมรดกโลก บ้านเชียง-หลวงพระบาง-ฮาลอง
 
๓. เอกอัครราชทูตฯ เชิญผู้บริหารจังหวัดเยือนประเทศไทย และเข้าร่วมโครงการเชื่อมสัมพันธ์ผู้นำรุ่นใหม่ ไทย-เวียดนาม (Emerging Leaders Project) เพื่อสร้างเครือข่ายและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทย-เวียดนาม ในโอกาสต่อไป
 
๔. ผู้บริหารโครงการนิคมอุตสาหกรรม Amata City Halong ต้อนรับและบรรยายความคืบหน้าของโครงการให้แก่คณะ ซึ่งโครงการดังกล่าวมีพื้นที่กว่า ๕ พันเฮคตาร์ และจะพัฒนาเป็นโครงการเมืองอัจริยะ มูลค่าการลงทุนรวม ๑.๖ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มีทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม สามารถเชื่อมโยงเมืองใหญ่ทั้งในเวียดนามและจีนได้ และได้รับสิทธิพิเศษในการลงทุนต่าง ๆ จากจังหวัดและรัฐบาลเวียดนาม ซึ่งจะดึงดูดและเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนได้ดี
 
๕. คณะเยี่ยมชมท่าอากาศยานนานาชาติเวินโด่น ซึ่งเป็นท่าอากาศยานเอกชนแห่งแรกของเวียดนาม โดยกลุ่ม Sun Group เริ่มเปิดให้บริการเมื่อ ธ.ค. ๒๕๖๑ มีสิ่งอำนวยความสะดวกและการรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย จึงได้รับเลือกให้เป็นท่าอากาศยานที่รองรับชาวเวียดนามและชาวต่างชาติที่เดินทางกลับประเทศจากสถานการณ์โควิด-๑๙ ท่าอากาศยานยังมีสิทธิพิเศษต่าง ๆ ให้แก่สายการบินและบริษัทท่องเที่ยวที่ไปใช้บริการ ทำให้การเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของ จ.กว่างนิงห์อย่างอ่าวฮาลอง และการขนส่งสินค้าไปยังด่านชายแดนม้งก๋ายสะดวกยิ่งขึ้น
 
๖. ในโอกาสนี้ อำเภอเมืองม้งก๋ายได้นำคณะสำรวจด่านชายแดนม้งก๋าย-ตงซิง ซึ่งสามารถขนส่งสินค้าเข้า-ออกไปยังประเทศจีนได้ทั้งทางบกและทางเรือรวม ๓ ช่องทาง รวมทั้งเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวระหว่างกันด้วย สินค้าผลไม้ของไทยสามารถขนส่งผ่านด่านชายแดนม้งก๋าย-ตงซิง ซึ่งเมื่อเส้นทางด่วนระหว่างเวินโด่น-ม้งก๋ายแล้วเสร็จในปลายปี ๒๕๖๔ ด่านนี้จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการขนส่งสินค้าไปยังจีน ทั้งนี้ ในสถานการณ์โควิด-๑๙ ด่านม้งก๋ายมีมาตรการเข้มงวดในการตรวจสอบและป้องกันการขนส่งสินค้าอย่างเคร่งครัด แต่ด่านก็เร่งรัดกระบวนการตรวจสอบให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งทางด่านหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สินค้าเกษตรและผลไม้จากไทย โดยเฉพาะทุเรียน จะส่งออกไปยังประเทศจีนผ่านทางด่านดังกล่าว
 
สถานเอกอัครราชทูตฯ และคณะ ขอขอบคุณ จ.กว่างนิงห์และบริษัทอมตะที่ต้อนรับอย่างอบอุ่น และขอยืนยันที่จะส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ให้เป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็วต่อไป
 
Follow us:
- Website: www.thaiembassy.org/hanoi
- Facebook: Royal Thai Embassy, Hanoi
- Line Official: @rte.hanoi
 
 
 
 
 

ที่มา:กระทรวงการต่างประเทศ