กระทรวงการต่างประเทศประสาน 'จีน' ปล่อยน้ำโขงจากเขื่อนจิ่ง หง


 
“โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ” เผย ได้ประสาน “จีน” ปล่อยน้ำโขง จนถึงขณะนี้ระดับน้ำกลับคืนค่าเฉลี่ย 2 เมตร ในพื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ด้านจีนแจงเหตุซ่อมเขื่อน รับปากครั้งต่อไปจะประสานแจ้งข้อมูลล่วงหน้า
 
นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยการดำเนินงานของกระทรวงการต่างประเทศต่อกรณีระดับน้ำโขงที่เชียงแสน ลดลง 1 เมตร เนื่องจากประเทศจีน มีการกั้นน้ำไว้ที่เขื่อนจิ่ง หง เพื่อทดสอบระบบผลิตไฟฟ้าของเขื่อน และทางการจีนแจ้งมาที่หน่วยงานด้านน้ำของไทย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
 
1. กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานงานกับสำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับระดับน้ำในแม่น้ำโขง ตั้งแต่ต้นปี 2564 ล่าสุดตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 มกราคม เป็นต้นมา สทนช. แจ้งว่าระดับน้ำในแม่น้ำโขงในพื้นที่ อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ได้กลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ยระยะยาวแล้ว (2 เมตร) 
 
อย่างไรก็ดี การซ่อมเขื่อนในจีนย่อมส่งผลกระทบต่อประชาชนในประเทศท้ายน้ำ สทนช. จึงได้แจ้งความกังวลของไทยต่อฝ่ายจีนในทันทีที่ได้รับแจ้งข้อมูลจากจีน ทั้งผ่านกลไกทวิภาคี กรอบความร่วมมือ Mekong - Lancang Cooperation (MLC) และองค์กรความร่วมมือ Mekong River Commission (MRC) และได้กล่าวย้ำขอให้ฝ่ายจีนแจ้งข้อมูลล่วงหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการใด ๆ ที่จะสร้างผลกระทบต่อระดับน้ำในแม่น้ำโขงสายประธานให้ประเทศท้ายน้ำทราบ
 
2. MLC และ MRC เป็นกลไกพหุภาคีในระดับอนุภูมิภาคที่จะหารือฉุกเฉินในกรณีที่เกิดผลกระทบข้ามพรมแดนจากการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศประสบความสำเร็จในการใช้ MLC เป็นเวทีในการผลักดันและขอความร่วมมือจากจีนให้แจ้งข้อมูลเรื่องระดับน้ำในแม่น้ำโขงให้ประเทศสมาชิกทราบตลอดทั้งปี (ซึ่งจากเดิมที่แจ้งเฉพาะในฤดูฝนเท่านั้น)
 
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นมา จีนได้แจ้งข้อมูลระดับน้ำที่สถานีวัดน้ำจิ่งหงและหมานอัน วันละ 2 ครั้ง ตลอดทั้งปี ทั้งผ่านกลไกทวิภาคี กลไก MRC และ MLC
 
3. นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ใช้เวทีขององค์กรความร่วมมือ MRC เพื่อหารือกับประเทศสมาชิก (กัมพูชา ลาว ไทย และเวียดนาม) และประเทศคู่เจรจาหรือ dialogue partners (ส่วนใหญ่เป็นประเทศในยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา สหรัฐ รวมทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน เมียนมา) เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขผลกระทบข้ามพรมแดนอันเกิดจากการบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งขอให้ประเทศเหล่านี้สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของสำนักเลขาธิการ MRC เพื่อให้ MRC สามารถทำหน้าที่แจ้งเตือน ประเมินข้อมูล และประสานงานการบริหารจัดการระหว่างประเทศสมาชิกได้ ซึ่ง MRC จะสามารถมีบทบาทตรวจสอบและรักษาสมดุลในเรื่องข้อมูลน้ำได้ด้วย
 
4. คำนึงว่าการร่วมงานกับภาคีภาคประชาชนอย่างใกล้ชิดและแข็งขันเป็นสิ่งสำคัญ และได้นำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงมีปฏิสัมพันธ์กับภาคประชาสังคมอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด โดยเมื่อวันที่ 1 - 2 ธันวาคม 2563 ได้เข้าร่วมในเวทีเสวนาสาธารณะเพื่อการจัดตั้งสภาประชาชนลุ่มน้ำโขงประเทศไทย ที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่อประสานงาน หารือและรับฟัง รวมทั้งจะนำความเห็นและข้อห่วงกังวลของประชาชนในพื้นที่ไปผลักดันในเวทีระหว่างประเทศต่อไป
 
 
 
 
 

ที่มา:กรุงเทพธุรกิจ