นายกรัฐมนตรี กล่าวถ้อยแถลงในพิธีเปิดงาน ASEAN Future Forum 2024


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถ้อยแถลงในพิธีเปิดงาน ASEAN Future Forum 2024   ภายใต้หัวข้อ “Towards fast and sustainable growth of a people-centered ASEAN Community” ผ่านการบันทึกเทปวีดิทัศน์ ร่วมกับนายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว ในฐานะประธานอาเซียนปี 2567 และดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปี 2568 (ในรูปแบบวีดิทัศน์) และ เลขาธิการสหประชาชาติ
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โลกอยู่ในยุคแห่งความไม่แน่นอน วิธีจัดการความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นนี้จะมีความสำคัญต่ออนาคตร่วมกัน โดยขอชื่นชมเวียดนามสำหรับข้อริเริ่มในการจัดงาน ASEAN Future Forum 2024 เพื่อเป็นเวทีหารือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับประเด็นสำคัญต่ออนาคตของอาเซียน
 
 
อาเซียนถือเป็นจุดยึดของสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคมาเป็นเวลากว่า 50 ปี ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้กับประชาชนในภูมิภาค ปัจจุบัน ภูมิภาคอาเซียนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำในเรื่องภูมิภาคนิยม (regionalism) และหลักการพหุภาคีนิยม (multilateralism) ด้วยจุดแข็งนี้ ภูมิภาคอาเซียนจึงควรมุ่งสู่การเป็น “อาเซียนที่เชื่อมโยง ยั่งยืน เป็นเอกภาพ และยืดหยุ่นมากขึ้น” (“a more connected, sustainable, united, and resilient ASEAN”) เพื่อบรรลุอนาคตที่มุ่งหวังไว้
 
อาเซียนที่เชื่อมโยงกันมากขึ้น เป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของภูมิภาค และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งหมด โดยต้องเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าในการพัฒนาความเชื่อมโยงที่ไร้รอยต่อสำหรับการค้าและการลงทุน รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ห่วงโซ่อุปทาน และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้อาเซียนเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญของภูมิภาคอินโดแปซิฟิก
 
 
อาเซียนที่ยั่งยืน เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อาเซียนควรมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องเพื่อไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และการส่งเสริมความเป็นกลางทางคาร์บอน ในฐานะผู้ประสานงานของอาเซียนในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ประเทศไทยจะส่งเสริมความร่วมมือเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ต่อไป
 
 
อาเซียนที่เป็นเอกภาพและยืดหยุ่น ยังคงมีความสำคัญในการเผชิญกับความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และภูมิเศรษฐศาสตร์ ตลอดจนจัดการกับความท้าทายในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยมีเพียงการรักษาเอกภาพและแสดงถึงความเป็นแกนกลางของอาเซียนเท่านั้นที่จะสามารถรักษาความเกี่ยวข้องในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ได้
 
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะบรรลุวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนปี ค.ศ. 2045 ที่ครอบคลุมเป้าหมายและแรงบันดาลใจของประชาชน โดยเชื่อมั่นว่า อาเซียนจะเติบโต เจริญรุ่งเรือง และเป็นประชาคมที่เราภาคภูมิใจ ซึ่งเราทุกคนต่างต้องรับผิดชอบการกำหนดอนาคตของอาเซียน 
 
ทั้งนี้  งาน ASEAN Future Forum เป็นเวทีเพื่อหารือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นสำคัญต่ออนาคตของอาเซียน จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2567 นี้ ตามข้อริเริ่มของนายกรัฐมนตรีเวียดนามที่ได้ประกาศไว้ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 43 เมื่อเดือนกันยายน 2566 ภายใต้หัวข้อ “Towards fast and sustainable growth of a people-centered ASEAN Community” โดยได้เชิญผู้แทนระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโสจากประเทศสมาชิกและคู่เจรจา รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญ/นักวิชาการและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการร่วมแสดงวิสัยทัศน์ของแต่ละประเทศสมาชิกต่ออนาคตของประชาคมอาเซียน พร้อมส่งเสริมความร่วมมือที่ใกล้ชิด ทั้งในกรอบอาเซียนและในกรอบความร่วมมือต่าง ๆ ในอนาคต
 
 
 
 
https://tna.mcot.net/politics-1354085

ที่มา:สำนักข่าวไทย