รมว.ท่องเที่ยว หารือสภาธุรกิจสหรัฐฯ - อาเซียน ชูยุทธศาสตร์พัฒนาภาคท่องเที่ยวเชื่อมโยงอาเซียน


 
    นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการร่วมหารือกับสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา – อาเซียน และคณะนักธุรกิจ อาทิ บริษัท Citi บริษัท PayPal บริษัท 21st Century Fox บริษัท Airbnb บริษัท UBER และบริษัทกลุ่ม Hilton ว่า ได้หารือในประเด็นการพัฒนาการท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืนและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเน้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเติบโตด้านการท่องเที่ยวและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
    ในปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยไม่ได้มุ่งเน้นจำนวนนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาประเทศ แต่เน้นถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นถึง 17.7% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไทย โดยประเทศไทยมีความต้องการที่จะเพิ่มรายได้ให้มากขึ้นและประเทศไทยจะกลายเป็นภาพลักษณ์แบรนด์เมืองท่องเที่ยวไทยให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้รับรู้ถึงยุทธศาสตร์ที่จะเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงกีฬาด้วย
    "อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะไม่เพียงขึ้นอยู่กับการมุ่งเน้นสร้างรายได้ แต่จะมีการจัดการผลิตภัณฑ์หรือสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐาน เพื่อเพิ่มจำนวนรายได้ให้มากขึ้นประเทศไทยจะมุ่งเน้นการสร้างความเป็นเอกภาพและความเข้าใจระหว่างผู้คนที่มีความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรมเข้าถึงเอกลักษณ์ของความเป็นไทยอย่างแท้จริง"รมว.ท่องเที่ยวฯ กล่าว
    อย่างไรก็ตาม ยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับประเทศไทยยังคงเป็นเชื่อมโยงกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ทั้งประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านในรูปแบบ Joint package ด้านการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ที่ประเทศไทยวางแผนที่จะลงทุนในด้านการท่องเที่ยวเรือสำราญที่ไม่เพียงแต่จะเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ แต่ยังเป็นท่าเรือที่หรูหรา รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงอาหารในรูปแบบ Street Food เนื่องจากอาหารไทยมีชื่อเสียงและขึ้นชื่อในเรื่องของรสชาติและความประณีตในการบรรจงคัดเลือกวัตถุดิบปรุงแต่งที่มีคุณภาพและมีประโยชน์ทางโภชนาการมีความพิถีพิถันในการตกแต่งอาหารให้มีความสวยงามและมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันตามวัฒนธรรมและวัตถุดิบของแต่ละท้องถิ่น อีกทั้งมิสชินและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการในการเปิดตัวคู่มือแนะนำร้านอาหาร คือ มิชลินฉบับ กรุงเทพ (Michelin Star Guide Book)
 
 
 
 

ที่มา:อาร์วายทีไนน์