พม่ายกทีมร่วมงานท่องเที่ยว 2 แผ่นดิน หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ


 
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2561 นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) , นายชุติเดช มีจันทร์ ปลัดจังหวัดตาก , นางกมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานตาก ร่วมกับจังหวัดตาก , หอการค้าจังหวัดตาก และหน่วยงานภาคเอกชน จัดงาน “เที่ยว ช๊อป กิน สองแผ่นดินแม่สอด” ขึ้น ณ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก โดยมี นายเต่ซะทุ๊ หล่าย ทวย รัฐมนตรีชนชาติเมียนมา มาร่วมเปิดงาน ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชน ชาวไทย และชาวเมียนมา รวมทั้งนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวงานนับพันคน โดยในงานมีการจำหน่ายสินค้าชุมชน ร้านค้า อาหาร จำนวน 50 บูธ รวมทั้งมีการแสดงทางวัฒนธรรม และเล่นเกมส์ชิงรางวัลมากมาย ซึ่งมีนักท่องเที่ยวที่ชื้อสินค้าครบ 300 บาท จะได้รับคูปองเพื่อชิงโชครางวัลใหญ่บัตรโดยสารเครื่องบินจากสายการบินไทยแอร์เอเชีย และแจกของที่ระลึกจาก ททท. และห้างสรรพสินค้าโรบินสัน
 
นายชุติเดช มีจันทร์ ปลัดจังหวัดตาก กล่าวว่า อ.แม่สอด เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่มีการค้าระหว่างประเทศไทยกับเมียนมาอย่างคึกคัก มีย่านการค้าปลีก และค้าส่งสินค้าอุปโภค–บริโภค รวมทั้งอาหารที่หลากหลาย ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีวัฒนธรรม ประเพณี และเทศกาลที่หลากหลาย จึงทำให้เศรษฐกิจของ อ.แม่สอด เติบโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นศักยภาพของเมืองที่มีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งในปีที่ผ่านมา พบว่า การจัดกิจกรรมกระตุ้นการขายภายใต้โครงการ Thailand Shopping & Dining Paradise 2017 ในพื้นที่ อ.แม่สอด ได้รับการต้อนรับที่ดีจากนักท่องเที่ยว และคนในพื้นที่เป็นอย่างดี โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ได้รับผลดีจากการจับจ่ายใช้สอยสินค้า
 
นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า โครงการ Thailand Shopping & Dining Paradise  2018 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 มิ.ย. – 31 ส.ค. 2561 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และยังมุ่งสู่เมืองท่องเที่ยวรอง ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ อ.แม่สอด จ.ตาก , อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ , อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดดรธานี อันจะก่อให้เกิดการหมุนเวียน และการกระจายรายได้ทั้งในเมืองหลัก และเมืองรอง โดยมุ่งเน้นให้นักท่องเที่ยวทั้งชายไทยและต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวได้ซื้อสิ้นค้าที่มีคุณภาพและหลากหลาย โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติร้อยละ 40 (ประเทศในภูมิภาคเอเชีย , เอเชียตะวันออก , เอเชียใต้ และโอเชียเนีย) และนักท่องเที่ยวชาวไทยร้อยละ 60
 
 
 
 
 

ที่มา:ฐานเศรษฐกิจ