ภูเก็ตเปิดสนามแรกการแข่งขันจักรยานทางไกล "ทัวร์ เดอ อันดามัน 2019" มุ่งเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยงเชิงกีฬาในอาเซียน


 
จังหวัดภูเก็ต และกลุ่มภาคใต้ฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต, พังงา, กระบี่, ตรัง, สตูล และระนอง) ร่วมกันจัดการแข่งขันจักรยานทางไกลทัวร์ เดอ อันดามัน 2019 (Tour de Andaman 2019) ขึ้นภายใต้สโลแกน "ปั่นกินลม ชมวิถีชาวเล สัมผัสเสน่ห์อันดามัน ในการมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงกีฬาในภูมิภาคอาเซียน หรือ ASEAN Sports Destination 
 
เมื่อ 5 ต.ค. 62 ที่ผ่านมา ที่ประตูเมืองภูเก็ต อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเปิดและร่วมปล่อยนักปั่นจักรยาน ในเปิดสนามแรกการแข่งขันจักรยานทางไกล Tour de Andaman 2019 (ทัวร์ เดอ อันดามัน 2019) ประเภท Touring ซึ่งเปิดสนามแรกขึ้น ณ จังหวัดภูเก็ต ภายใต้สโลแกน "ปั่นกินลม ชมวิถี ชาวเล สัมผัสเสน่ห์อันดามัน” โดยมี นางศิรวี วาเล๊าะ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต, นายอนุพงษ์ วาวงศ์มูล ปลัดจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการพื้นที่จังหวัดภูเก็ต นักกีฬาปั่นจักรยาน และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันดังกล่าว
 
สำหรับการจัดการแข่งขันในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวและกีฬาของกลุ่มภาคใต้ฝั่งอันดามัน โดยเริ่มเปิดสนามแรกที่จังหวัดภูเก็ต เป็นระยะทาง 28 กิโลเมตร มีนักกีฬาปั่นจักรยานทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วมกว่า 150 คน มีการปล่อยตัวจุดแรก ณ ประตูเมืองภูเก็ต ไปยังจุดเช็คอินที่ 1 สะพานสารสิน   ณ ชุมชนท่าฉัตร และจุดเช็คอินที่ 2 นาผืนสุดท้าย บนเกาะภูเก็ต ณ ชุมชนบ้านไม้ขาว นอกจากนี้ยังให้นักกีฬาปั่นจักรยานได้ร่วมชมวิถีชุมชน และสินค้าชุมชนบ้านไม้ขาว  พร้อมกันนี้ในแต่ละจุดนักปั่นจะต้องถ่ายภาพเช็คอิน พร้อมทั้งแฮชแทค #TourdeAndamam2019
 
โดยหลังจากนี้จะมีการแข่งขันจักรยานทางไกล Tour de Andaman ประเภท Touring  ในจังหวัดอื่น ๆ ในภาคใต้ฝั่งอันดามัน ประกอบด้วย 
จังหวัดระนองในวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2562 เป็นระยะทาง 24 กิโลเมตร 
จังหวัดพังงา ในวันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2562 เป็นระยะทาง 46 กิโลเมตร 
จังหวัดกระบี่ ในวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562 เป็นระยะทาง 30 กิโลเมตร 
จังหวัดตรัง ในวันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม 2562 เป็นระยะทาง 26 กิโลเมตร 
และจังหวัดสตูล ในวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2562 เป็นระยะทาง 29 กิโลเมตร
 
 
 
 

ที่มา:ศูนย์ข้อมูลข่าวสารอาเซียน