สหรัฐ ไฟเขียว ภาษีนำเข้า 0% สินค้าไทย-มาเลเซีย-กัมพูชา
04 พฤศจิกายน 2568
ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์“ ได้อนุมัติมาตรการยกเว้นภาษีนำเข้า 0% สำหรับสินค้าที่บางประเภทที่ถูกเลือกจาก 3 ชาติในอาเซียนได้แก่ มาเลเซีย กัมพูชา และไทย อย่างเป็นทางการ หลังจากที่มีมาตรการเรียกเก็บภาษีตอบโต้กันในอัตรา 19% การอนุมัติครั้งนี้ถูกประกาศอย่างเป็นทางการระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยสำนักข่าว Detik Finance รายงานว่า ภายใต้ข้อตกลงใหม่ สินค้าหลากหลายประเภทจากทั้ง 3 ประเทศจะสามารถเข้าสู่ตลาดสหรัฐได้โดยปลอดภาษี
ไทยบรรลุกรอบการค้ากับ 'สหรัฐ'
ไทย-สหรัฐ บรรลุกรอบข้อตกลง “การค้าต่างตอบแทน” เพื่อขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการลงทุนระหว่างกัน โดยไทยจะซื้อสินค้าเกษตร พลังงาน และเครื่องบินจากสหรัฐ รวมมูลค่ากว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในข้อตกลงครั้งนี้ ไทยยกเลิกภาษีเกือบ 99% สำหรับสินค้าสหรัฐ ขณะสหรัฐคงอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ไว้ที่ 19% และให้สินค้าบางประเภทจากไทยได้สิทธิภาษี 0% อย่างไรก็ดี ยังไม่ได้มีการรายงานอย่างละเอียดสำหรับการยกเว้นภาษี 0% ของสินค้าไทยว่าครอบคลุมสินค้าใดบ้าง
มาเลเซียได้ยกเว้นภาษี 0% สินค้า 3 กลุ่ม
เปงกู ซาฟรูล อาซิซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้ามาเลเซีย เปิดเผยว่า การยกเว้นภาษี ดังกล่าวครอบคลุมถึงสินค้าสำคัญ เช่น อุปกรณ์การบิน และอวกาศ (Aerospace Equipment) ยา และเวชภัณฑ์ (Pharmaceuticals) สินค้าโภคภัณฑ์หลัก เช่น น้ำมันปาล์ม โกโก้ และยางพารา การยกเลิกภาษีนี้คาดว่าจะช่วย เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกของมาเลเซียได้อย่างมีนัยสำคัญ และกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหรัฐให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
อินโดนีเซีย จ่อคิวเจรจา หวังได้ภาษี 0%
ขณะเดียวกัน อินโดนีเซีย ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์เช่นกัน เนื่องจากกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาขอปรับลดภาษีตอบโต้ในลักษณะเดียวกันกับสหรัฐซึ่งเดิมกำหนดไว้ที่ 19% แอร์ลังกา ฮาร์ตาร์โต รัฐมนตรีประสานงานฝ่ายเศรษฐกิจอินโดนีเซีย ยืนยันว่า มีการเจรจาการค้าได้ต่อเนื่อง และเข้มข้น หลังล่าช้าไปเนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐเมื่อเร็วๆ นี้ และอาจจะสรุปได้ภายใน 2-3 สัปดาห์
“หลักการคือ ข้อตกลงนี้จะใช้ได้กับสินค้าที่สามารถปลูกได้ในอินโดนีเซีย แต่ปลูกไม่ได้ในสหรัฐ ดังนั้น สำหรับสินค้าอย่างน้ำมันปาล์ม โกโก้ และช็อกโกแลต พวกเขายื่นข้อเสนอเป็นภาษี 0%” ฮาร์ตาร์โต กล่าว
การลดหย่อนทางการค้าครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของสหรัฐในการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับอาเซียน และคาดว่าจะช่วยส่งเสริมให้เกิดความหลากหลายทางการค้าในภูมิภาคนี้มากยิ่งขึ้น
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ